ผู้เขียน หัวข้อ: บริหารจัดการอาคาร: การอบโอโซนภายในบ้าน เพื่อฆ่าเชื้อโรค  (อ่าน 89 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 523
    • ดูรายละเอียด
บริหารจัดการอาคาร: การอบโอโซนภายในบ้าน เพื่อฆ่าเชื้อโรค

ความสะอาดและสุขอนามัยในครัวเรือน เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องคำนึงถึง เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่อยู่อาศัยและพักผ่อนของเรา และเป็นที่ที่เราอยู่ทุกวันจึงจำเป็นที่จะต้องมีความสะอาดอยู่เสมอ เพราะไม่อย่างนั้น จะทำให้สุขภาพของคนในบ้านไม่ดี เจ็บป่วยได้ง่าย เเต่การทำความสะอาดบ้านเเบบทั่วไป อาจไม่เพียงพอในการชำระและฆ่าเชื้อโรคที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนในบ้าน

โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเด็กในได้อนาคต ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านจะปลอดภัยปราศจากเชื้อโรค เราก็ควรจะต้องกำจัดเจ้าตัวเชื้อโรคนี้ออกไป เราควรจะกำจัดเชื้อโรคภายในบ้านให้สะอาดและปลอดภัย ยิ่งในตอนนี้มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นเชื้อที่กำลังระบาดและเป็นอันตรายมากในขณะนี้ ยิ่งคนเราออกไปทำงานนอกบ้าน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้เอาเชื้อโรคจากภายนอกเข้ามาในบ้านของเรา

ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ภายในบ้านปลอดเชื้อโรคได้นั้น ก็คือ การพ่นฆ่าเชื้อโรค หรือถ้าบ้านมีขนาดไม่ใหญ่มาก ก็ควรที่จะอบโอโซนภายในบ้านเพื่อให้ทุกคนในบ้านได้ปลอดภัยจากเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในบ้านของเรา ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของการอบโอโซนภายในบ้าน เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่เป็นต้นตอของการเกิดปัญหาสุขภาพ


สำหรับการอบโอโซน ถือว่าเป็นนวัตกรรมการฆ่าเชื้ออย่างหนึ่ง โดยมนุษย์สามารถผลิตก๊าซโอโซนขึ้นมาเองได้ นอกจากที่มีอยู่เองตามธรรมชาติแล้ว และก็จะนำก๊าซโอโซนที่ได้มาอบฆ่าเชื้อ โดยที่โอโซนจะเข้าไปจับโมเลกุลของสารปนเปื้อนและทำการย่อยสลายและทำลายโดยการเปลี่ยนโครงสร้างของสารนั้น ทั้งนี้ โอโซนเป็นก๊าซที่มีโครงสร้างเสถียร ซึ่งหลังจากทำปฏิกิริยา โอโซนจะแปรสภาพกลับเป็นก๊าซออกซิเจน

จึงมั่นใจได้ว่าโอโซนจะไม่เป็นอันตราย หรือส่งผลกระทบใด ๆ ต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม สำหรับคุณสมบัติในการขจัดเชื้อโรคนั้น เมื่อก๊าซโอโซนไปจับกับตัวเชื้อโรคจะเกิดการแตกตัวเป็น O + O2 และออกซิเจน อะตอมนี้เองที่จะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ ทำให้เชื้อโรคทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียสลายไป ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะเกิดขึ้น หลังจากที่ทำการปล่อยโอโซนอบไว้ในห้อง 2-3 ชั่วโมง แม้ว่าโอโซนจะเป็นรูปแบบหนึ่งของออกซิเจน และมีสภาพเป็นพิษเมื่อมีความเข้มข้นมากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลิตรในอากาศ

แต่เมื่อปิดเครื่องผลิตโอโซนและปล่อยห้องทิ้งไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง โอโซนภายในห้องจะสลายจาก O3 เป็น O2 จึงรับรองว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยแน่นอน อย่างไรก็ตาม การอบโอโซน เหมาะสำหรับพื้นที่ปิดเท่านั้น แม้จะสามารถใช้กับสถานที่ที่คนพลุกพล่านได้ เช่น ศูนย์การค้า ร้านอาหาร สำนักงาน แต่ตอนทำการอบฆ่าเชื้อ จะต้องนำคนและสิ่งมีชีวิตออกจากพื้นที่และหลังจากการอบฆ่าเชื้อแล้วเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงค่อยเปิดใช้งานสถานที่ได้เป็นปกติ ถึงแม้ว่าจะทำการพ่นฆ่าเชื้อโรคแล้ว

เราก็ยังต้องดูแลรักษาความสะอาดในพื้นที่เป็นอย่างดี หากเป็นพื้นที่เปิดอาจมีการพ่นใช้ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (H2O2) ควบคู่เพื่อให้มั่นใจ หมั่นทำความสะอาดพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ จึงจะสามารถป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ  รวมทั้งเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ข้อดีของการอบโอโวน ก็คือ ไม่มีสารตกค้าง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเก็บห้องเพื่อเตรียมอบโอโซน และยังสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แถมมีราคาที่ไม่แพงด้วย แต่ทั้งนี้ การอบโอโซน ก็ไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่

 
หากใครสนใจอยากจะทำการอบโอโซนหรือพ่นฆ่าเชื้อโรคภายในอาคารบ้านเรือน ก็สามารถปรึกษาทางเราได้ เพราะให้บริการ ทำความสะอาดในลักษณะงานที่หลากหลาย มีผู้เชี่ยวชาญด้านทำความสะอาดในด้านต่าง ๆ และสามารถออกแบบรูปแบบงานเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรนั้น ๆได้อย่างมืออาชีพ

นอกจากนี้ ทางเรายังให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในการเข้าดำเนินงาน โดยมีการเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE การฝึกอบรมการทำงานภายใต้เงื่อนไข และข้อจำกัดในแต่ละองค์กรอย่างต่อเนื่อง ควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน ทั้งนี้ ทางเรายังมีบริการ บริการทำความสะอาดภายใน ห้องพักผู้ป่วยและสำนักงาน ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง งานซักรีด ตัดแต่งสวนและภูมิทัศน์ บริการกำจัดแมลง เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยจากเชื้อโรค เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขเมื่ออยู่ในบ้าน

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google