อย่างที่เรารู้กันดีว่าการสร้างแบรนด์ตัวเองที่เริ่มจากศูนย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลายคนอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบรนด์ตัวเองจะต้องมีหน้าตาเป็นยังไง ต้องขายให้กับคนกลุ่มไหน แล้วสินค้าจะตอบโจทย์หรือช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้ยังไง ถ้าอยากตอบคำถามเหล่านี้ได้และเชื่อมโยงช่องว่างต่าง ๆ จนสร้างแบรนด์ตัวเองได้ล่ะก็ ต้องอ่านบทความนี้ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะขายอะไรก็ปัง ขายดิบขายดีแน่นอน
แบรนด์คืออะไร?
จริง ๆ แล้ว คำว่า "แบรนด์" คือ ความประทับใจที่ลูกค้าหรือผู้คนมีต่อสินค้าและบริการของคุณ ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ หากลูกค้าประทับใจและเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อแบรนด์ของคุณ พวกเขาก็จะเต็มใจบอกต่อและจ่ายแพงเพื่อซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ถ้าจะมองแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่เปิดตัวสินค้าใหม่ทีไรคนต้องไปต่อแถวรอทุกที ก็คือ Apple ซึ่งถ้าจะมองดี ๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ Apple เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่มีฐานแฟนคลับและผู้ใช้งานทั่วโลกก็คือ การมีสินค้าและฟีเจอร์ใหม่ ๆ เปิดตัวเสมอ ซึ่งแต่ละอย่างตอบโจทย์และช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้งานสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีสโลแกนอย่าง "Think Different" เพื่อเน้นความสร้างสรรค์ของแบรนด์ และมีแคมเปญการตลาดเจ๋ง ๆ อีกเพียบ
สร้างแบรนด์ตัวเองยังไงให้คนรู้จัก ขายอะไรก็ปัง?
รู้จักกับคำว่า "แบรนด์" กันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าจะต้องทำยังไงถึงจะสร้างแบรนด์ตัวเองให้ปัง จะทำอะไรก็ขายดีและประสบความสำเร็จ ซึ่งเทคนิคที่เราอยากแนะนำก็คือ
1. ดูก่อนว่าอยากทำแบรนด์อะไร
การจะสร้างแบรนด์ของตัวเองให้รุ่ง ต้องเริ่มจากมีสินค้าเป็นของตัวเอง ดังนั้นให้เริ่มจากสำรวจตัวเองว่าถนัดหรือชอบอะไร จากนั้นก็ดูว่าอยากทำแบรนด์แนวไหน ถ้าเริ่มทำแบรนด์จากความชอบของตัวเองแล้ว คุณจะพาแบรนด์ของตัวเองไปได้ไกลยิ่งขึ้น ซึ่งบอกเลยว่าปัจจุบันมีไอเดียธุรกิจที่น่าสนใจเยอะมาก ๆ คุณสามารถเลือกทำแบรนด์ได้หลากหลายมาก เช่น
แบรนด์เสื้อผ้า
แบรนด์เครื่องสำอาง
แบรนด์อาหารเสริม
ฯลฯ
2. มีเป้าหมายแบรนด์ที่ชัดเจน
ทุก ๆ แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในท้องตลาดต่างก็มีเป้าหมายแบรนด์ที่ชัดเจน ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็ต้องมีเป้าหมายเช่นกัน โดยคำถามที่จะช่วยให้คุณรู้เป้าหมายและมีแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์หรือทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็คือ
แบรนด์ของคุณก่อตั้งมาเพื่ออะไร?
แบรนด์ของคุณแตกต่างจากคู่แข่งยังไง?
แบรนด์ของคุณช่วยแก้ปัญหาอะไร?
ทำไมลูกค้าถึงต้องเลือกแบรนด์ของคุณ?
เมื่อมีคำตอบให้คำถามเหล่านี้แล้ว คุณก็จะได้ไอเดียในการสร้างสโลแกน จุดขาย โลโก้ เรื่องราวของแบรนด์ และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ลูกค้าในปัจจุบันก็ซื้อสินค้าจากเป้าหมายแบรนด์และเน้นมีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบหรือความแตกต่างเชิงบวกมากกว่า ดังนั้นหากคุณมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับความต้องการตรงนี้ แบรนด์ของคุณก็มีโอกาสมากกว่านั่นเอง
3. อย่าลืมศึกษาคู่แข่ง
สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การศึกษาคู่แข่ง ก็อย่างที่คำโบราณว่าไว้ "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" คำนี้ใช้ได้ดีมาก ๆ ในวงการธุรกิจ แม้จะมีแบรนด์ดังหลายแบรนด์ที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน แต่คุณก็ไม่ควรเลียนแบบแบรนด์เหล่านั้นเป็นอันขาด คุณจะต้องสร้างแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง และมีจุดขายที่เรียกลูกค้าได้ ไม่อย่างนั้นลูกค้าจะซื้อสินค้าจากแบรนด์ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อจากแบรนด์คุณเลย จริงไหม?
สำหรับขั้นตอนที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณศึกษาคู่แข่งได้อย่างถูกทางก็คือ
ศึกษาที่มาและการก่อตั้งแบรนด์อย่างละเอียด
ดูว่าแต่ละแบรนด์มีจุดอ่อน-จุดแข็งยังไง
ทำตารางเปรียบเทียบแต่ละแบรนด์
ศึกษารีวิวลูกค้าของแต่ละแบรนด์
ดูวิธีการทำการตลาดของแต่ละแบรนด์ทั้งใน Google โลกโซเชียลมีเดีย และช่องทางอื่น ๆ
4. รู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี
พื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ตัวเองอีกหนึ่งอย่างก็คือ การรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ยิ่งคุณรู้จักลูกค้ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการทำแบรนด์มากเท่านั้น เพราะคุณจะทำแบรนด์ได้ตรงใจและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด เมื่อสินค้าดีจริงและช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้จริง ลูกค้าก็จะอุดหนุนเป็นประจำ
ด้วยเหตุนี้คุณจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทุกครั้งที่คิดค้นหรือนำสินค้ามาขาย ร่างภาพให้ชัดเลยว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เพศไหน อายุเท่าไหร่ รายได้ประมาณไหน ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้จะมีสินค้าที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุดนั่นเอง
�
5. ตั้งชื่อแบรนด์ให้โดน
การตั้งชื่อแบรนด์ก็ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจที่จะทำ แต่ก็อย่างที่เราได้เกริ่นไปแล้วว่าการสร้างแบรนด์ไม่ได้มีแค่ชื่อเท่านั้น แต่ยังอาศัยองค์ปประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ตัวตนแบรนด์ ภาพลักษณ์แบรนด์ และชื่อเสียงของแบรนด์
สำหรับการทำแบรนด์เล็ก ๆ แล้ว การตั้งชื่อร้านอาจจะเป็นอะไรที่ยากที่สุดเพราะชื่อจะมีผลกระทบต่อหลาย ๆ อย่างด้วยกันทั้งสโลแกน โลโก้ การทำการตลาด และอื่น ๆ อีกเพียบ ดังนั้นหลักการตั้งชื่อแบรนด์ให้เก๋และโดนใจลูกค้าที่เราอยากแนะนำก็คือ
สร้างคำขึ้นมาใหม่ เช่น เป๊ปซี่
ตีกรอบใหม่ ใช้คำที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น Apple ที่ขายมือถือและคอมพิวเตอร์ แต่ชื่อแบรนด์ค่อนข้างโดดและไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แบรนด์เลย
ใช้คำเชิงเปรียบเทียบ
ใช้คำที่อธิบายถึงสินค้าของแบรนด์โดยตรง
ใช้คำพ้องเสียง เช่น Shu
ใช้คำย่อ
รวมคำ เช่น Pinterest (pin + interest), Facebook (face + book)
ตั้งชื่อแบรนด์ดีแล้ว ต้องมีโปรแกรมหลังร้านที่ดีด้วย ทดลองใช้ Zaapi 14 วัน คลิกเลย
6. ศึกษาช่องทางการขาย
เมื่อสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองแล้วก็ต้องศึกษาช่องทางการขายด้วยว่าถ้าจะขายหน้าร้านต้องเลือกทำเลร้านที่ไหนถึงจะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ถ้าขายออนไลน์ ขายที่ไหนดีถึงจะเสียเงินน้อยที่สุดและเพิ่มยอดขายร้านได้มากที่สุด
แน่นอนว่าแต่ละช่องทางจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ซึ่งในส่วนของช่องทางขายของออนไลน์ก็มีหลายช่องทางที่น่าสนใจมากมาย เช่น
Facebook
Instagram
LINE
TikTok
เว็บไซต์สำเร็จรูป
Shopee
Lazada
ฯลฯ
หมายเหตุ: สำหรับเว็บไซต์สำเร็จรูป ถือว่าตอบโจทย์คนขายออนไลน์เป็นอย่างมากในยุคนี้ เพราะนอกจากจะเปิดเว็บได้เองโดยไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเขียนเว็บเองแล้ว ยังตั้งค่าร้านเพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจของคุณได้มากที่สุดด้วย อย่าง Zaapi ก็มีฟีเจอร์ขายของออนไลน์ที่ให้ขายได้แบบฟรี ๆ และมีระบบหลังบ้านซัพพอร์ตการขายของคุณด้วย
7. สื่อสารเก่ง
คนที่จะทำแบรนด์ตัวเองได้จำต้องมีทักษะในการสื่อสาร พูดคุยเก่ง มีศิลปะในการสื่อสารจึงจะขายสินค้าในแบรนด์ของคุณได้ และแม้ว่าคุณจะเป็นคนคุยไม่เก่ง ทักษะนี้ก็ฝึกกันได้แบบสบาย ๆ เมื่อฝึกบ่อย ๆ คุณก็จะอธิบายสินค้าได้ดูน่าเชื่อถือและขายสินค้าได้ดียิ่งขึ้น หากช่วงแรก ๆ ยังจับทางไม่ได้ก็ให้สังเกตคนที่ทำแบรนด์ขาย จากนั้นก็หาจุดขายตัวเองและฝึกไปเรื่อย ๆ แล้วคุณก็จะเก่งแน่นอน
เทคนิคการสร้างแบรนด์ตัวเอง ขายสินค้าอะไรก็ปัง! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/