ตรวจอาการด้วยตนเอง: ข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน (Acute pyogenic arthritis)ข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน (acute pyogenic arthritis) เป็นภาวะรุนแรงซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ข้อพิการได้
โรคนี้ในปัจจุบันพบได้ค่อนข้างน้อย
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะแบคทีเรีย เช่น เชื้อหนองใน สเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส เมนิงโกค็อกคัส เป็นต้น เชื้อโรคเหล่านี้อาจเข้าไปในข้อโดยตรง (เช่น จากบาดแผลที่บริเวณข้อ) หรือลุกลามจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายผ่านกระแสเลือดเข้าไปในข้อ
อาการ
เกิดขึ้นฉับพลันทันทีด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ข้อบวม แดง ร้อนและปวดมาก มักเป็นเพียง 1-2 ข้อใหญ่ ๆ เช่น ข้อเข่า ข้อศอก ข้อมือ ข้อเท้า เป็นต้น บางรายอาจมีอาการปวดตามข้อต่าง ๆ นำมาก่อนหลายวัน
ผู้ป่วยอาจมีประวัติได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลที่บริเวณข้อ หรือมีโรคติดเชื้อของส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอยู่ก่อน เช่น เป็นฝี หนองใน คออักเสบ ปอดอักเสบ ไตอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบ เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อน
ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาเชื้ออาจเข้ากระแสเลือดเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือทำให้ข้อพิการได้
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและการตรวจพบไข้ ข้อบวมแดงร้อน
แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์ข้อและเจาะดูดหนองจากข้อไปตรวจหาเชื้อ
การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้
แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่พบ
อาจต้องเจาะระบายหนองออกบ่อย ๆ
นอกจากนี้ต้องให้ผู้ป่วยนอนพัก ยกข้อที่อักเสบให้สูงไว้ และอาจต้องเข้าเฝือกไม่ให้ข้อเคลื่อนไหว เมื่ออาการอักเสบเริ่มทุเลา ควรแนะนำให้ผู้ป่วยบริหารข้อเพื่อป้องกันข้อแข็งหรือพิการ
ผลการรักษา ถ้าเลือกให้ยาปฏิชีวนะได้ถูกต้อง ผู้ป่วยมักจะหายได้ภายใน 7-10 วัน โดยไม่มีร่องรอยของความพิการ แต่ถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้องข้ออาจพิการได้
การดูแลตนเอง
หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับข้ออักเสบ บวมแดงร้อน ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
เมื่อตรวจพบว่าเป็นข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้
รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้าหลังกินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรกลับไปพบแพทย์
การป้องกัน
อาจป้องกันด้วยการระวังอย่าให้เกิดบาดแผลที่บริเวณข้อ และถ้ามีบาดแผลหรือเป็นโรคติดเชื้อที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ควรรีบไปรับการรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง
ข้อแนะนำ
โรคนี้มีความรุนแรงและอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ใช้ยาที่กดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น หากสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว